ทำไมถึงต้องเปลี่ยนสีมอเตอร์ไซค์
เหตุผลที่หลายคนเลือกเปลี่ยนสีมอเตอร์ไซค์มีมากมาย เช่น ความต้องการปรับลุคให้ดูทันสมัย เพิ่มความเท่ และยังรวมถึงความชอบส่วนตัวที่ต้องการสีใหม่ที่ตรงใจมากกว่าเดิม หรือบางคนอาจต้องการเปลี่ยนสีเพราะสีเดิมซีดจาง หรืออาจเกิดรอยขีดข่วน นอกจากนี้การเปลี่ยนสีก็ยังเป็นการปกป้องสีเดิม และเพิ่มมูลค่าให้กับตัวรถไปในตัวด้วย
ตัวเลือกการ เปลี่ยนสีรถมอไซค์ ฟิล์มเปลี่ยนสีรถ vs. พ่นสีใหม่
ก่อนอื่นเรามาดูตัวเลือกหลักๆ กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง และข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ
- การติดฟิล์มเปลี่ยนสีรถ (Wrap)
– ข้อดี: ใช้เวลาทำไม่นาน ฟิล์มจะช่วยปกป้องสีเดิมจากรอยขีดข่วนและสิ่งสกปรก แถมยังสามารถลอกออกได้หากอยากเปลี่ยนสีอีกครั้งในอนาคต เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากเปลี่ยนสีถาวร
– ข้อเสีย: ฟิล์มอาจลอกหรือเปลี่ยนสีตามอายุการใช้งานได้ นอกจากนี้ ฟิล์มบางชนิดอาจไม่ทนทานเท่าสีพ่น โดยเฉพาะเมื่อโดนแดดจัดๆ ทุกวัน
- การพ่นสีใหม่
– ข้อดี: พ่นสีทำให้สีติดทนนาน มีความเนียนเรียบและเงางาม สีจะคงทนต่อการใช้งานในระยะยาวและเหมาะกับคนที่อยากได้สีใหม่ถาวร
– ข้อเสีย: ใช้เวลานานกว่าการติดฟิล์ม และไม่สามารถเปลี่ยนกลับไปสีเดิมได้ ต้องพ่นใหม่ถ้าอยากเปลี่ยนอีก นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเทียบกับการติดฟิล์ม
ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสีมอเตอร์ไซค์
มาดูเรื่องค่าใช้จ่ายคร่าวๆ กันดีกว่า ซึ่งสามารถแบ่งได้ตามวิธีที่เลือก ไม่ว่าจะเป็นการพ่นสีใหม่หรือการติดฟิล์มพันรถ ค่าใช้จ่ายจะมีรายละเอียดดังนี้:
การพ่นสีใหม่
– ราคาพ่นสีรถมอเตอร์ไซค์ทั้งคัน: เริ่มต้นที่ประมาณ 3,000-5,000 บาท แต่ถ้าเลือกสีพิเศษหรือลายที่ต้องใช้เทคนิคการพ่นพิเศษ ราคาจะสูงขึ้นไปอีก
– สีแบบด้าน: มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติอยู่บ้าง เพราะต้องใช้การเคลือบพิเศษเพื่อให้ทนต่อการใช้งาน
– สีเงา: เป็นสีมาตรฐานและมีราคาที่เข้าถึงง่าย
– ค่าใช้จ่ายอื่นๆ: อาจมีค่าแรงพิเศษในกรณีที่มีการแกะและประกอบชิ้นส่วน เช่น ถังน้ำมัน บังโคลน ฯลฯ ซึ่งค่าแรงจะแตกต่างกันไปตามร้านที่คุณเลือก
การติดฟิล์มพันรถ
– ราคาฟิล์มพันรถ: ราคาประมาณ 2,000-4,500 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพและประเภทของฟิล์ม เช่น ฟิล์มกันรอย ฟิล์มใส หรือฟิล์มลายคาร์บอนไฟเบอร์
– ฟิล์มใสกันรอย: ช่วยป้องกันรอยและสีซีด ราคาประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป
– ฟิล์มสีหรือลวดลายพิเศษ: ราคาอาจสูงถึง 4,000 บาท หากต้องการฟิล์มที่มีลวดลายเฉพาะหรือสีพิเศษ
– ค่าแรงติดตั้ง: บางร้านอาจมีการคิดค่าแรงในการติดตั้งเพิ่มเติม ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของงาน
แนะนำร้านที่ให้บริการ เปลี่ยนสีรถมอไซค์
ในการเลือกร้านที่จะทำสีใหม่หรือแรปฟิล์ม ควรเลือกดูรีวิวจากผู้ใช้จริงเพื่อให้มั่นใจว่าได้งานที่มีคุณภาพและตรงใจ และนี่คือเคล็ดลับที่ช่วยให้คุณเลือกร้านได้ง่ายขึ้น
– ดูรีวิว: อ่านรีวิวของร้านต่างๆ ว่าลูกค้าให้ความเห็นอย่างไรบ้าง ร้านมีการบริการและคุณภาพที่ดีหรือไม่
– ดูผลงานตัวอย่าง: ร้านที่มีตัวอย่างงานให้ดูหรือมีรูปภาพการทำสีหรือติดฟิล์มบนมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ให้ดูก็จะช่วยให้เราเห็นถึงคุณภาพของงานได้ดี
– สอบถามเงื่อนไขการรับประกัน: บางร้านมีการรับประกันผลงาน เช่น หากฟิล์มลอกหรือสีไม่ติดทนในระยะเวลาที่กำหนด ร้านจะซ่อมแซมให้ฟรี
วิธีดูแลสีใหม่ให้คงทน
การดูแลสีรถมอเตอร์ไซค์ที่เปลี่ยนมาใหม่ เป็นสิ่งสำคัญไม่ว่าจะเลือกพ่นสีหรือแรปฟิล์มก็ตาม การดูแลรักษาที่เหมาะสม จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานยิ่งขึ้น
– ล้างรถอย่างถูกวิธี: หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน และใช้ผ้านุ่มล้างเพื่อป้องกันการเกิดรอย
– เคลือบสีเป็นประจำ: การเคลือบสีช่วยปกป้องสีรถจากแดด ฝุ่น และคราบสกปรก แนะนำให้ทำทุก 1-2 เดือน
– หลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแดดจัด: สีจะซีดเร็วกว่าปกติหากจอดรถในที่มีแสงแดดจัดเป็นเวลานานๆ ดังนั้นควรจอดในที่ร่มเพื่อช่วยถนอมสี
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
หลังจากตัดสินใจเปลี่ยนสีรถมอเตอร์ไซค์แล้ว ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่ควรคำนึงถึงไม่ใช่ แค่ค่าใช้จ่ายในการพ่นสีหรือแรปฟิล์มเท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการแจ้งเปลี่ยนสีรถต่อนายทะเบียนที่กรมการขนส่งด้วย ซึ่งขั้นตอนการแจ้งเปลี่ยนสีนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากละเลยไม่แจ้งให้กรมการขนส่งทราบก็อาจทำให้มีปัญหาตามมาได้ในภายหลัง มาดูรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการแจ้งเปลี่ยนสีและขั้นตอนที่ควรรู้กันเลย
ทำไมต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถต่อนายทะเบียน
ตามกฎหมาย หากคุณ เปลี่ยนสีรถมอไซค์ ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือเกินกว่า 30% ของตัวรถ คุณต้องทำการแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 7 วัน เพื่อให้ข้อมูลในเอกสารทะเบียนรถถูกต้องตามสภาพจริงของรถ การไม่แจ้งอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการโดนปรับ หรือมีปัญหาเมื่อมีการตรวจสอบเอกสาร การครอบครองรถในกรณีต่างๆ
การแจ้งเปลี่ยนสีรถไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง แต่ยังช่วยสร้างความอุ่นใจในกรณีที่มีการตรวจสอบจากตำรวจ หรือการเคลมประกันที่อาจต้องอ้างอิงข้อมูลในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ
ค่าใช้จ่ายในการแจ้งเปลี่ยนสีรถต่อนายทะเบียน
การแจ้งเปลี่ยนสีรถมอเตอร์ไซค์ ที่กรมการขนส่งนั้นจะมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย โดยแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่เกี่ยวข้อง ดังนี้:
– ค่าธรรมเนียมในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลทะเบียน: การเปลี่ยนสีรถจะมีค่าธรรมเนียมที่กรมการขนส่งเรียกเก็บ ซึ่งปกติจะอยู่ในช่วงประมาณ 50-100 บาท โดยอาจแตกต่างกันไปตามกรมการขนส่งของแต่ละพื้นที่
– ค่าธรรมเนียมออกสมุดคู่มือจดทะเบียนรถใหม่ (ถ้ามี): หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ กรมการขนส่งอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการออกเอกสารใหม่ ประมาณ 100-200 บาท ขึ้นอยู่กับเขตหรือจังหวัด
– ค่าบริการเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่รับแจ้ง (ถ้ามี): หากต้องการความรวดเร็วในการดำเนินการหรือใช้บริการผ่านตัวแทนในกรณีที่ไม่สะดวกเดินทางไปทำเรื่องเอง อาจมีค่าบริการเพิ่มจากตัวแทนตามตกลง ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้จะขึ้นอยู่กับการเจรจาและบริการที่คุณต้องการ
เอกสารที่ต้องใช้ในการแจ้ง เปลี่ยนสีรถมอไซค์
ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถต่อนายทะเบียน คุณจำเป็นต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างราบรื่น และใช้เวลาน้อยที่สุด โดยเอกสารที่ต้องใช้ ได้แก่:
– สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ: ต้องนำสมุดคู่มือจดทะเบียนรถมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูลในส่วนของสีรถ
– สำเนาบัตรประชาชนเจ้าของรถ: ในกรณีที่เจ้าของรถไม่สามารถไปดำเนินการด้วยตัวเองได้ ควรมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำแทน และต้องเตรียมใบมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถมาด้วย
– ใบเสร็จหรือหลักฐานการเปลี่ยนสี: ในบางกรณี เจ้าหน้าที่อาจขอดูหลักฐานการเปลี่ยนสี เช่น ใบเสร็จจากร้านพ่นสีหรือแรปฟิล์ม เพื่อยืนยันว่ามีการเปลี่ยนสีจริง
– ภาพถ่ายของรถที่เปลี่ยนสีแล้ว (ถ้ามี): บางครั้งเจ้าหน้าที่อาจขอภาพถ่ายของรถหลังการเปลี่ยนสี เพื่อใช้ในการตรวจสอบและยืนยันข้อมูล
ขั้นตอนการแจ้งเปลี่ยนสีรถมอเตอร์ไซค์ที่กรมการขนส่ง
หลังจากเตรียมเอกสารครบถ้วนแล้ว ต่อไปนี้คือขั้นตอนการแจ้งเปลี่ยนสีรถที่คุณควรรู้เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว:
– เดินทางไปยังสำนักงานขนส่งที่ใกล้ที่สุด: เมื่อพร้อมแล้ว นำเอกสารทั้งหมดไปยื่นที่สำนักงานขนส่งหรือสำนักงานขนส่งที่รับผิดชอบในพื้นที่
– กรอกแบบฟอร์มแจ้งเปลี่ยนสี: เมื่อถึงสำนักงานขนส่ง คุณจะต้องกรอกแบบฟอร์มสำหรับการแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลทะเบียนรถ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมให้
– ยื่นเอกสารและชำระค่าธรรมเนียม: ส่งเอกสารที่กรอกเรียบร้อยแล้วพร้อมเอกสารประกอบทั้งหมด และชำระค่าธรรมเนียมที่เคาน์เตอร์บริการ
– รอรับสมุดคู่มือจดทะเบียนที่อัปเดตใหม่: หลังจากเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบและแก้ไขข้อมูลในทะเบียนรถเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับสมุดคู่มือจดทะเบียนรถที่มีการอัปเดตข้อมูลใหม่ตามสีที่เปลี่ยนแปลงแล้ว
ข้อควรระวังในการแจ้ง เปลี่ยนสีรถมอไซค์
การแจ้งเปลี่ยนสีรถเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม และนี่คือข้อควรระวังที่สำคัญ:
– แจ้งเปลี่ยนสีภายใน 7 วัน: ตามกฎหมาย การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้งต่อนายทะเบียนภายใน 7 วันหลังจากการเปลี่ยนสี หากล่าช้าอาจมีการเรียกเก็บค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท
– เลือกใช้บริการจากร้านที่น่าเชื่อถือ: ก่อนเปลี่ยนสีรถ ควรเลือกใช้บริการจากร้านที่มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์ เพื่อให้สีใหม่ที่ได้มีคุณภาพและไม่ซีดเร็ว
– ตรวจสอบเงื่อนไขการรับประกันจากร้าน: บางร้านอาจมีการรับประกันในกรณีที่สีลอกหรือซีดเร็ว หากมีปัญหาภายในระยะเวลาที่กำหนด ร้านจะดูแลซ่อมแซมให้ฟรี
– ตรวจสอบการแจ้งเปลี่ยนแปลงประกันภัย (ถ้ามี): ในกรณีที่รถมีประกันภัย ควรแจ้งให้บริษัทประกันทราบถึงการเปลี่ยนสีใหม่ เพื่อให้ข้อมูลในประกันตรงกับสภาพจริง
ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่ควรคำนึงถึง
นอกจากค่าใช้จ่ายในการแจ้ง เปลี่ยนสีรถมอไซค์ แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ควรนำมาพิจารณา เช่น:
– ค่าประกันภัยที่อาจเพิ่มขึ้น: หากสีใหม่ของคุณเป็นสีที่มีค่าเบี้ยประกันสูงกว่าเดิม เช่น สีพิเศษหรือสีที่มีความเงางาม ค่าเบี้ยประกันอาจเพิ่มขึ้นได้ ควรสอบถามข้อมูลกับบริษัทประกันก่อน
– ค่าบำรุงรักษาสีรถ: หากเปลี่ยนเป็นสีที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น สีด้าน หรือสีมุก ควรเตรียมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการบำรุงรักษา เพราะการล้างทำความสะอาดและเคลือบสีอาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
สรุปเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการเปลี่ยนสีมอเตอร์ไซค์
ค่าใช้จ่ายในการ เปลี่ยนสีรถมอไซค์ จะมีค่าใช้จ่ายหลักๆ ใน 3 ส่วน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายสำหรับการพ่นสีหรือแรปฟิล์มรถ, ค่าธรรมเนียมในการแจ้งเปลี่ยนสีต่อนายทะเบียน, และค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ค่าบำรุงรักษาสีและค่าเบี้ยประกัน
การคำนึงถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดและปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ไม่เพียงช่วยให้คุณวางแผนการเปลี่ยนสีได้อย่างเหมาะสม แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้มีปัญหาด้านกฎหมายและประกันในภายหลัง ทำให้คุณขับขี่มอเตอร์ไซค์สีใหม่ได้อย่างสบายใจและมั่นใจ
ก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนสีรถ ควรพิจารณางบประมาณที่คุณมี และเปรียบเทียบวิธีการที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการพ่นสีหรือแรปฟิล์ม การคิดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะช่วยให้คุณประหยัดได้และใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด
ใส่ความเห็น