เมื่อพูดถึงการเดินทางสู่ภาคใต้ของประเทศไทย ภาพของท้องทะเลสีคราม หาดทรายขาวละเอียด วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ และอาหารรสเลิศ ย่อมปรากฏขึ้นในจินตนาการของทุกคน ไม่ว่าจะเป็น “ภูเก็ต” ไข่มุกแห่งอันดามัน, “หาดใหญ่” ศูนย์กลางเศรษฐกิจแดนใต้, “เกาะสมุย” สวรรค์กลางอ่าวไทย หรือ “กระบี่” เมืองแห่งขุนเขาและท้องทะเล การเดินทางเพื่อไปสัมผัสความงดงามเหล่านี้คือจุดเริ่มต้นของวันหยุดพักผ่อนที่น่าจดจำ แต่ก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง การเดินทางที่ใช้เวลายาวนานกว่า 10 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ คือด่านแรกที่นักเดินทางทุกคนต้องเจอ หลายคนอาจนึกถึงภาพการนั่งรถทัวร์ที่แออัด คับแคบ และไม่สะดวกสบาย ซึ่งอาจทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นก่อนการเดินทางลดน้อยลงไป แต่ภาพจำเหล่านั้นกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล ด้วยตัวเลือกการเดินทางที่ยกระดับประสบการณ์สู่ขีดสุด นั่นคือ “จอง รถทัวร์สายใต้ vip 24 ที่นั่ง”
นี่ไม่ใช่แค่รถทัวร์ธรรมดา แต่คือการเดินทางระดับเฟิร์สคลาสบนท้องถนน ที่ซึ่งทุกรายละเอียดถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยสูงสุด เปรียบเสมือนการเช็คอินเข้าสู่ห้องพักเคลื่อนที่ส่วนตัวของคุณ บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่สุด ที่จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของการ จองรถทัวร์สายใต้ VIP 24 ที่นั่ง ในปี 2568 ตั้งแต่การทำความรู้จักกับความพิเศษของรถประเภทนี้, แนะนำบริษัทรถทัวร์ชั้นนำ, สำรวจเส้นทางยอดนิยม, สอนวิธีการจองตั๋วแบบจับมือทำ, ไปจนถึงเคล็ดลับการเตรียมตัวที่จะทำให้การเดินทางของคุณราบรื่นและน่าประทับใจที่สุด หากคุณพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนการเดินทางที่แสนยาวนานให้กลายเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เชิญติดตามได้เลย
ไขรหัส “รถทัวร์ VIP 24 ที่นั่ง” คืออะไร
คำว่า “VIP” ในวงการรถทัวร์นั้นมีหลายระดับ แต่ “VIP 24 ที่นั่ง” ถือเป็นมาตรฐานสูงสุดที่หาได้ในปัจจุบัน ตัวเลข “24” หมายถึงจำนวนที่นั่งทั้งหมดบนรถบัสขนาดมาตรฐานหนึ่งคัน ซึ่งน้อยกว่ารถทัวร์ทั่วไป (ที่มี 40-50 ที่นั่ง) อย่างมาก การลดจำนวนที่นั่งลงนี้เอง คือหัวใจที่ทำให้เกิดความพิเศษในทุกมิติ
1. ที่นั่ง “บัลลังก์ส่วนตัวบนท้องถนน” (The Seat)
นี่คือพระเอกของการเดินทางอย่างแท้จริง ลืมภาพเบาะแคบๆ ที่ปรับเอนได้เพียงเล็กน้อยไปได้เลย เพราะที่นั่งบนรถ VIP 24 ที่นั่ง ถูกออกแบบมาเพื่อการพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบ:
- ขนาดและความกว้าง: เบาะนั่งมีขนาดใหญ่และกว้างเป็นพิเศษ มีที่วางแขนส่วนตัวทั้งสองข้าง ทำให้คุณไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้โดยสารข้างๆ
- ระยะห่างระหว่างแถว (Seat Pitch): มีพื้นที่ให้เหยียดขาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะสูงแค่ไหนก็ไม่ต้องนั่งงอเข่าตลอดการเดินทาง
- การปรับเอนนอน: สามารถปรับเอนได้เกือบขนานกับพื้น (บางรุ่นปรับได้ถึง 135-150 องศา) พร้อมที่รองน่องไฟฟ้าที่ยกขึ้นมาได้ ทำให้คุณนอนหลับในท่าที่สบายที่สุด
- ระบบนวดไฟฟ้า: ที่นั่งส่วนใหญ่มาพร้อมระบบนวดไฟฟ้าในตัว ช่วยคลายความเมื่อยล้าจากการนั่งนานๆ เพียงกดปุ่ม คุณก็จะได้รับการปรนนิบัติราวกับนั่งอยู่บนเก้าอี้นวดราคาแพง
- ความเป็นส่วนตัว: การจัดวางที่นั่งแบบ 1-2 (ฝั่งหนึ่งมี 1 ที่นั่ง อีกฝั่งมี 2 ที่นั่ง) ทำให้มี “ที่นั่งเดี่ยว” (Single Seat) สำหรับผู้ที่เดินทางคนเดียวและต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุด
2. สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันระดับ First Class (Onboard Amenities)
การเดินทางจะสมบูรณ์แบบไม่ได้หากขาดสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย:
- จอทีวีส่วนตัว (Personal TV Screen): ทุกที่นั่งจะมีจอทีวีระบบสัมผัส พร้อมหูฟังส่วนตัว ให้คุณได้เลือกชมภาพยนตร์ใหม่ๆ, ฟังเพลง, หรือเล่นเกมได้ตลอดการเดินทางโดยไม่รบกวนใคร
- ช่องชาร์จ USB: หมดกังวลเรื่องแบตเตอรี่โทรศัพท์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะหมดระหว่างทาง เพราะมีช่องเสียบ USB ให้คุณชาร์จได้ตลอดเวลา
- Wi-Fi บนรถ: บริษัทรถทัวร์ชั้นนำหลายแห่งมีบริการ Wi-Fi ฟรีบนรถ ให้คุณได้เชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ (ความเร็วและความเสถียรอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่)
- ผ้าห่มและหมอน: มีบริการผ้าห่มผืนหนานุ่มและหมอนใบเล็ก เพื่อให้คุณนอนหลับได้อย่างอบอุ่นและสบาย
- ไฟอ่านหนังสือส่วนตัว: สำหรับใครที่ต้องการอ่านหนังสือก่อนนอน ก็มีไฟดวงเล็กส่วนตัวที่ไม่รบกวนสายตาผู้โดยสารท่านอื่น
3. บริการอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Drink Service)
เมื่อคุณก้าวขึ้นมาบนรถ VIP 24 ที่นั่ง คุณจะได้รับการต้อนรับด้วยบริการที่ไม่ขาดตกบกพร่อง:
- Snack Box: หลังจากรถออกเดินทาง พนักงานต้อนรับจะนำชุดของว่าง (Snack Box) มาเสิร์ฟ ซึ่งมักประกอบด้วยขนมปัง, เบเกอรี่, ขนมขบเคี้ยว และน้ำผลไม้
- น้ำดื่ม: มีบริการน้ำดื่มขวดฟรี
- จุดพักรถ: สำหรับการเดินทางระยะไกล จะมีจุดแวะพักรับประทานอาหารที่ร้านอาหารซึ่งเป็นพันธมิตรกับบริษัทรถทัวร์ ซึ่งตั๋ว VIP ส่วนใหญ่มักจะรวมคูปองอาหารมื้อหลักไว้ให้ด้วย คุณสามารถนำตั๋วไปแลกรับประทานอาหารร้อนๆ ได้เลย
4. ห้องน้ำบนรถที่สะอาดและสะดวกสบาย (Onboard Restroom)
หนึ่งในความกังวลของการเดินทางด้วยรถบัสคือเรื่องห้องน้ำ แต่สำหรับรถ VIP ปัญหานี้จะหมดไป ห้องน้ำบนรถจะถูกดูแลทำความสะอาดอย่างดี มีขนาดกว้างขวางพอสมควรและถูกสุขลักษณะ ทำให้คุณใช้งานได้อย่างสบายใจตลอดการเดินทาง
5. ความปลอดภัยและพนักงานมืออาชีพ (Safety & Professionalism)
หัวใจสำคัญที่สุดคือความปลอดภัย บริษัทรถทัวร์ชั้นนำจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างยิ่ง:
- พนักงานขับรถ 2 คน: สำหรับเส้นทางระยะไกล จะมีพนักงานขับรถ 2 คนสลับกันขับ เพื่อให้มั่นใจว่าคนขับได้พักผ่อนอย่างเพียงพอและไม่เกิดอาการเหนื่อยล้า
- ระบบ GPS Tracking: รถทุกคันมีการติดตั้งระบบ GPS ทำให้บริษัทสามารถติดตามตำแหน่งและความเร็วของรถได้ตลอดเวลา
- การบำรุงรักษา: มีการตรวจเช็คสภาพรถอย่างสม่ำเสมอก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
ปักหมุดยอดนิยม! เส้นทางสายใต้ที่มีบริการ จอง รถทัวร์สายใต้ vip 24 ที่นั่ง
บริการรถทัวร์ระดับพรีเมียมนี้ครอบคลุมจังหวัดใหญ่ๆ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญในภาคใต้เกือบทั้งหมด โดยมีต้นทางจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนี นี่คือเส้นทางยอดฮิตที่คุณสามารถเลือกใช้บริการได้:
- กรุงเทพฯ ↔ ภูเก็ต: เส้นทางสุดคลาสสิกสู่ไข่มุกแห่งอันดามัน การเดินทางที่ยาวนานประมาณ 12-13 ชั่วโมง จะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อคุณได้นอนเหยียดขาบนเบาะนุ่มๆ ตื่นเช้ามาก็พร้อมเที่ยวหาดป่าตอง, ชมเมืองเก่าภูเก็ต หรือไปทัวร์เกาะพีพีได้เลย
- กรุงเทพฯ ↔ หาดใหญ่ (สงขลา): เดินทางสู่ศูนย์กลางการค้าและคมนาคมของภาคใต้ตอนล่าง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 13-14 ชั่วโมง เหมาะสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่ต้องการไปลิ้มลองไก่ทอดหาดใหญ่ต้นตำรับ หรือเดินทางต่อไปยังประเทศมาเลเซีย
- กรุงเทพฯ ↔ สุราษฎร์ธานี (ต่อไปยังเกาะสมุย/พะงัน/เต่า): เส้นทางนี้เป็นประตูสู่หมู่เกาะสวรรค์ในฝั่งอ่าวไทย รถทัวร์จะไปจอดที่ตัวเมืองสุราษฎร์ฯ หรือที่ท่าเรือดอนสัก ซึ่งคุณสามารถซื้อตั๋วรถ+เรือเฟอร์รี่แบบแพ็คเกจได้เลย สะดวกสบายแบบครบวงจร
- กรุงเทพฯ ↔ กระบี่: เดินทางสู่เมืองแห่งทะเลแหวกและอ่าวนาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 12 ชั่วโมง การนอนหลับเต็มอิ่มบนรถจะทำให้คุณมีพลังเหลือเฟือสำหรับกิจกรรมปีนผาหรือพายเรือคายัคในวันรุ่งขึ้น
- กรุงเทพฯ ↔ นครศรีธรรมราช: สัมผัสเมืองประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันรุ่งเรือง “เมืองคอน” การเดินทางประมาณ 11-12 ชั่วโมงจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตื่นเช้ามาพร้อมไปสักการะพระบรมธาตุเจดีย์ฯ หรือไปสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หมู่บ้านคีรีวง
- กรุงเทพฯ ↔ ชุมพร: ประตูบานแรกสู่ภาคใต้ และเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังเกาะเต่าและเกาะนางยวน การเดินทางที่ไม่ยาวมากนัก (ประมาณ 7-8 ชั่วโมง) ก็ยังมีรถ VIP 24 ที่นั่งไว้คอยบริการเพื่อความสบายสูงสุด
- กรุงเทพฯ ↔ ตรัง: เดินทางไปลิ้มรสหมูย่างเมืองตรัง และชมความงามของถ้ำมรกต การเดินทางด้วยรถ VIP จะทำให้คุณไปถึงที่หมายอย่างสดชื่น พร้อมเที่ยวต่อได้ทันที
เปิดสมุดรายชื่อ! บริษัทรถทัวร์สายใต้ชั้นนำ ที่ให้ จอง รถทัวร์สายใต้ vip 24 ที่นั่ง
การเลือกบริษัทผู้ให้บริการก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะแต่ละเจ้าก็มีจุดเด่นและมาตรฐานการบริการที่แตกต่างกันไป นี่คือบริษัทชั้นนำที่คุณสามารถไว้วางใจได้:
1. สมบัติทัวร์ (Sombat Tour)
- จุดเด่น: เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงด้านบริการระดับพรีเมียมมาอย่างยาวนาน รถ VIP 24 ที่นั่งของสมบัติทัวร์มักถูกเรียกว่า “เวียงพิงค์บัส” ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องความสะอาด, เบาะนั่งที่นุ่มสบาย และพนักงานต้อนรับที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีเยี่ยม มีระบบความบันเทิงส่วนตัวที่ทันสมัยและครบครัน
- เส้นทางยอดนิยม: กรุงเทพฯ – สุราษฎร์ธานี, กรุงเทพฯ – นครศรีธรรมราช, กรุงเทพฯ – กระบี่, กรุงเทพฯ – ตรัง
- ช่องทางจอง: เคาน์เตอร์ที่สถานีขนส่ง, เว็บไซต์สมบัติทัวร์, ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์
2. บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส. 999)
- จุดเด่น: เป็นรัฐวิสาหกิจที่มีความน่าเชื่อถือสูง มีเครือข่ายเส้นทางครอบคลุมทั่วประเทศมากที่สุด รถ VIP 24 ที่นั่งของ บขส. มีมาตรฐานที่ดีและราคาที่สมเหตุสมผล เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและไว้ใจได้เสมอ
- เส้นทางยอดนิยม: ครอบคลุมเกือบทุกจังหวัดใหญ่ในภาคใต้ เช่น ภูเก็ต, หาดใหญ่, สุราษฎร์ธานี, ชุมพร
- ช่องทางจอง: เคาน์เตอร์ที่สถานีขนส่ง, เว็บไซต์ บขส., ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์, 7-Eleven
3. ลิกไนท์ทัวร์ (Lignite Tour)
- จุดเด่น: เป็นผู้เชี่ยวชาญในเส้นทางภาคใต้ โดยเฉพาะโซนอันดามัน เช่น กระบี่ ตรัง และสตูล มีชื่อเสียงในเรื่องความตรงต่อเวลาและการบริการที่เป็นกันเอง รถ VIP 24 ที่นั่งของลิกไนท์ทัวร์มีคุณภาพดี เบาะกว้าง และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน
- เส้นทางยอดนิยม: กรุงเทพฯ – กระบี่, กรุงเทพฯ – ตรัง, กรุงเทพฯ – สตูล
- ช่องทางจอง: เคาน์เตอร์ที่สถานีขนส่ง, เว็บไซต์ลิกไนท์ทัวร์, ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์
4. ภูเก็ตท่องเที่ยว (Phuket Travel)
- จุดเด่น: ตามชื่อเลยคือเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษในเส้นทางกรุงเทพฯ – ภูเก็ตโดยเฉพาะ ทำให้มีความเข้าใจในความต้องการของผู้โดยสารในเส้นทางนี้เป็นอย่างดี มีรอบเวลาให้เลือกหลากหลายและบริการที่ได้มาตรฐาน
- เส้นทางยอดนิยม: กรุงเทพฯ – ภูเก็ต, กรุงเทพฯ – พังงา – เขาหลัก
- ช่องทางจอง: เคาน์เตอร์ที่สถานีขนส่ง, โทรศัพท์จอง, ตัวแทนจำหน่ายออนไลน์
ตารางเปรียบเทียบเบื้องต้น
บริษัท | จุดเด่น | เส้นทางเด่น | ช่องทางจอง |
สมบัติทัวร์ | บริการพรีเมียม, รถใหม่, สะอาด | สุราษฎร์ฯ, นครศรีฯ, กระบี่ | เว็บไซต์, เคาน์เตอร์, Online Agent |
บขส. 999 | น่าเชื่อถือ, เครือข่ายกว้างขวาง | ภูเก็ต, หาดใหญ่ (ครอบคลุม) | เว็บไซต์, เคาน์เตอร์, 7-Eleven |
ลิกไนท์ทัวร์ | เชี่ยวชาญโซนอันดามัน, ตรงเวลา | กระบี่, ตรัง, สตูล | เว็บไซต์, เคาน์เตอร์, Online Agent |
ภูเก็ตท่องเที่ยว | เชี่ยวชาญเส้นทางภูเก็ตโดยตรง | ภูเก็ต, พังงา | เคาน์เตอร์, โทรศัพท์, Online Agent |
ส่งออกไปยังชีต
คู่มือการจองตั๋ว A-Z: จากหน้าจอสู่ที่นั่งแสนสบาย
เมื่อเลือกจุดหมายและบริษัทในใจได้แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนสำคัญที่สุดคือการจองตั๋ว ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายช่องทางให้เลือกตามความสะดวก
ช่องทางที่ 1: การจองผ่านระบบออนไลน์ (สะดวกและรวดเร็วที่สุด)
วิธีนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะคุณสามารถจองจากที่ไหนก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และสามารถเปรียบเทียบราคา รอบเวลา และเลือกที่นั่งได้ด้วยตัวเอง
- แพลตฟอร์มยอดนิยม:
- เว็บไซต์ของบริษัทรถทัวร์โดยตรง: เช่น sombattour.com, transport.co.th
- เว็บไซต์ตัวแทนจำหน่าย (Online Travel Agent – OTA): เช่น busonlineticket.co.th, thaiticketmajor.com (บางเส้นทาง)
- ขั้นตอนการจอง (Step-by-Step):
- ระบุเส้นทางและวันเดินทาง: เข้าสู่เว็บไซต์ เลือก “ต้นทาง” (กรุงเทพฯ) และ “ปลายทาง” (เช่น ภูเก็ต) พร้อมระบุวันที่ต้องการเดินทาง
- กรองผลการค้นหา: หลังจากกดค้นหา ระบบจะแสดงรอบรถทัวร์ทั้งหมดที่มี ให้คุณมองหาตัวกรอง (Filter) แล้วเลือกประเภทรถเป็น “VIP 24” หรือชื่อที่ใกล้เคียงกัน เช่น “V.I.P.”, “First Class”
- เลือกบริษัทและรอบเวลา: เปรียบเทียบบริษัทต่างๆ และเลือกรอบเวลาที่ต้องการ (ส่วนใหญ่มักเป็นรอบค่ำ)
- เลือกที่นั่ง: นี่คือขั้นตอนที่สนุกที่สุด! ระบบจะแสดงผังที่นั่งบนรถ ให้คุณเลือกที่นั่งที่ต้องการ หากเดินทางคนเดียว แนะนำให้เลือก “ที่นั่งเดี่ยว” เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด หากมาเป็นคู่ ก็เลือกที่นั่งคู่ฝั่งขวา
- กรอกข้อมูลผู้โดยสาร: ใส่ชื่อ-นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์, และอีเมลให้ถูกต้อง (สำคัญมาก เพราะตั๋วจะถูกส่งไปที่อีเมลนี้)
- ชำระเงิน: เลือกช่องทางการชำระเงินที่คุณสะดวก เช่น บัตรเครดิต/เดบิต, Mobile Banking (QR Code), หรือชำระที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส
- รับตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ (E-Ticket): หลังจากชำระเงินเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับ E-Ticket ทางอีเมล ให้บันทึกภาพหน้าจอหรือพิมพ์เก็บไว้เพื่อใช้แสดงในวันเดินทาง
ช่องทางที่ 2: การซื้อตั๋วที่หน้าเคาน์เตอร์ (คลาสสิกและมั่นใจ)
สำหรับใครที่ไม่ถนัดเทคโนโลยี หรือต้องการพูดคุยสอบถามกับพนักงานโดยตรง การเดินทางไปซื้อตั๋วที่ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนี ยังคงเป็นทางเลือกที่ดี
- ขั้นตอน:
- เดินทางไปยังสถานีขนส่งสายใต้ใหม่
- มองหาเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของบริษัทที่คุณต้องการ (เช่น สมบัติทัวร์, บขส.)
- แจ้งเส้นทาง, วันที่เดินทาง และประเภทรถ “VIP 24 ที่นั่ง” กับพนักงาน
- พนักงานจะแจ้งรอบเวลาและให้คุณเลือกที่นั่งจากผัง
- ชำระเงินและรับตั๋วโดยสารฉบับจริง
- ข้อควรจำ: ควรตรวจสอบรายละเอียดบนตั๋ว (ชื่อ, เส้นทาง, วันที่, เวลา, ชานชาลา) ให้ถูกต้องก่อนเดินออกจากเคาน์เตอร์
เคล็ดลับมือโปร: ควรจองตั๋วล่วงหน้านานแค่ไหน?
- ช่วงเวลาปกติ (Low Season): การจองล่วงหน้า 3-7 วัน ถือว่าเพียงพอ
- ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ (Weekend): ควรจองล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
- ช่วงเทศกาล (High Season) เช่น ปีใหม่, สงกรานต์: นี่คือช่วงเวลาที่พีคที่สุด ที่นั่ง VIP 24 ที่นั่งจะเต็มเร็วมาก ควรจองล่วงหน้า อย่างน้อย 1-2 เดือน เพื่อให้ได้ที่นั่งและรอบเวลาที่ต้องการ
เตรียมตัวให้พร้อม! ก่อนออกเดินทางไกลในยามค่ำคืน
เพื่อให้การเดินทาง 10 กว่าชั่วโมงของคุณเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยได้มาก
- การแต่งกาย: เลือกเสื้อผ้าที่สบายที่สุด เนื้อผ้านุ่ม ไม่รัดแน่นจนเกินไป แนะนำให้แต่งกายแบบ “เลเยอร์” เช่น เสื้อยืดและมีเสื้อคลุมหรือสเวตเตอร์อีกชั้น เพราะบนรถแอร์จะค่อนข้างเย็น คุณสามารถถอดหรือใส่เพิ่มได้ตามต้องการ
- กระเป๋าถือขึ้นรถ (Carry-on Bag) ควรมีอะไรบ้าง?:
- หมอนรองคอ: แม้รถจะมีหมอนให้ แต่หมอนรองคอส่วนตัวจะช่วยซัพพอร์ตต้นคอได้ดีกว่า ทำให้นอนสบายและไม่ปวดคอเมื่อตื่น
- ผ้าปิดตาและที่อุดหู: ไอเท็มสำคัญที่จะช่วยให้คุณหลับลึกโดยไม่มีแสงและเสียงรบกวน
- Power Bank: แม้จะมีช่อง USB แต่การมี Power Bank สำรองไว้ก็ไม่เสียหาย
- ยาประจำตัว: รวมถึงยาแก้เมารถสำหรับคนที่จำเป็น
- ชุดแปรงสีฟันและของใช้ส่วนตัวขนาดพกพา: เพื่อความสดชื่นในตอนเช้าที่จุดพักรถหรือเมื่อถึงที่หมาย
- หูฟังส่วนตัว: หากคุณไม่ถนัดหูฟังที่รถมีให้
- การเดินทางไปสถานีขนส่งสายใต้ใหม่: วางแผนการเดินทางให้ดี ควรเผื่อเวลาสำหรับรถติด โดยเฉพาะช่วงเย็นวันศุกร์หรือวันหยุดยาว สามารถเดินทางไปได้ด้วยรถแท็กซี่, รถโดยสารประจำทาง, หรือรถไฟฟ้า (ลงสถานีบางหว้า แล้วต่อแท็กซี่)
- ขั้นตอนการขึ้นรถ: ไปถึงสถานีก่อนเวลารถออกอย่างน้อย 30-45 นาที ตรวจสอบ “ชานชาลา” (Platform) จากตั๋วโดยสารของคุณ เดินไปรอที่ชานชาลานั้น เมื่อรถมาถึง ให้แสดง E-Ticket หรือตั๋วโดยสารกับพนักงานเพื่อตรวจและเก็บสัมภาระใต้ท้องรถ
ถาม-ตอบ ทุกข้อสงสัยคาใจเกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถทัวร์ VIP
- Q: ราคาตั๋วรถทัวร์ VIP 24 ที่นั่ง แพงกว่ารถทัวร์ปกติมากไหม?
- A: แพงกว่า แต่คุ้มค่า โดยทั่วไป ราคาจะอยู่ระหว่าง 800 – 1,400 บาท ต่อที่นั่ง ขึ้นอยู่กับระยะทางและบริษัทผู้ให้บริการ เมื่อเทียบกับความสะดวกสบายที่ได้รับ ความเป็นส่วนตัว และการได้พักผ่อนเต็มที่ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก
- Q: รถทัวร์ VIP 24 ที่นั่ง กับ VIP 32 ที่นั่ง ต่างกันอย่างไร?
- A: ต่างกันที่ “ความกว้างขวาง” เป็นหลัก รถ 24 ที่นั่งจะจัดวางแบบ 1-2 ทำให้มีที่นั่งเดี่ยวและมีพื้นที่ส่วนตัวมากกว่า ส่วนรถ 32 ที่นั่งจะจัดวางแบบ 2-2 ทำให้เบาะแคบกว่าเล็กน้อยและไม่มีที่นั่งเดี่ยว แต่สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ มักจะใกล้เคียงกัน
- Q: เดินทางกับผู้สูงอายุหรือเด็กเล็ก ปลอดภัยและเหมาะสมหรือไม่?
- A: เหมาะสมอย่างยิ่ง ความสบายของเบาะที่ปรับนอนได้ทำให้ผู้สูงอายุไม่ปวดเมื่อย การมีห้องน้ำบนรถก็สะดวกสำหรับเด็กและผู้สูงอายุที่ไม่สามารถอั้นได้นาน และการเดินทางแบบนอนหลับไปตลอดคืนก็ทำให้ท่านไม่เหนื่อยล้าจนเกินไป
- Q: สามารถนำสัมภาระไปได้มากแค่ไหน?
- A: โดยทั่วไป แต่ละบริษัทจะอนุญาตให้นำกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่โหลดใต้ท้องรถได้ 1-2 ใบ โดยมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 20-25 กิโลกรัม หากมีสัมภาระเกินกว่าที่กำหนด อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เพราะ “การเดินทาง” สำคัญไม่แพ้ “จุดหมายปลายทาง”
การเลือก จองรถทัวร์สายใต้ VIP 24 ที่นั่ง ไม่ใช่เป็นเพียงการซื้อตั๋วเดินทาง แต่มันคือการลงทุนเพื่อยกระดับประสบการณ์การพักผ่อนของคุณให้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก้าวแรกที่ออกจากบ้าน คือการให้รางวัลตัวเองด้วยความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวตลอดเส้นทางที่ยาวนาน
ครั้งต่อไปที่คุณวางแผนจะไปเยือนดินแดนด้ามขวานของไทย ไม่ว่าจะเพื่อธุรกิจหรือการพักผ่อน ลองเปิดประสบการณ์ใหม่กับการเดินทางระดับเฟิร์สคลาสบนท้องถนนเส้นนี้ดูสักครั้ง แล้วคุณจะค้นพบว่า การเดินทาง 10 กว่าชั่วโมงก็สามารถเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุดได้ และเมื่อคุณเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง คุณจะไปถึงด้วยร่างกายที่สดชื่นและจิตใจที่พร้อมเต็มที่สำหรับการผจญภัยที่รออยู่เบื้องหน้า
ใส่ความเห็น