เปลี่ยนสีรถให้สวยถูกใจ ถือเป็นเรื่องที่เจ้าของรถหลายคนอยากทำ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเพราะอยากปรับลุคใหม่ เพิ่มความเท่ หรือแก้สีเดิมที่ซีดจางจากการใช้งานนานๆ แต่รู้หรือไม่ว่า การเปลี่ยนสีรถไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังต้องแจ้งให้ถูกกฎหมายด้วย! บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกประเด็นเกี่ยวกับการเปลี่ยนสีรถ ตั้งแต่ เปลี่ยนสีรถ แจ้งกี่วัน ขั้นตอนการดำเนินการ ไปจนถึงเคล็ดลับเล็กๆ ที่ช่วยให้การเปลี่ยนสีรถของคุณราบรื่นและถูกกฎหมายแบบ 100% พร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
เปลี่ยนสีแจ้งกี่วัน รวมทุกขั้นตอนที่ต้องรู้
เปลี่ยนสีรถ แจ้งกี่วัน ทำไมต้องแจ้ง?
หลายคนอาจสงสัยว่า เปลี่ยนสีรถ แจ้งกี่วัน เปลี่ยนสีรถแค่สีภายนอก ทำไมต้องแจ้ง? นี่คือเหตุผลหลักๆ:
- เพื่อความถูกต้องตามกฎหมาย:
กฎหมายในประเทศไทยกำหนดไว้ว่าหากคุณเปลี่ยนสีรถ ต้องแจ้งให้กรมการขนส่งทางบกรับทราบภายในระยะเวลาที่กำหนด - ป้องกันปัญหาเวลาใช้งาน:
ถ้ารถคุณเปลี่ยนสีแล้วแต่ยังไม่ได้แจ้ง เมื่อเจอด่านตรวจหรือเกิดอุบัติเหตุ คุณอาจถูกสงสัยว่ารถคันนี้ถูกขโมยหรือเป็นรถผิดกฎหมาย - อัพเดตข้อมูลในเล่มทะเบียน:
การแจ้งเปลี่ยนสีช่วยให้ข้อมูลในเล่มทะเบียนตรงกับสภาพรถจริง ซึ่งสำคัญมากเวลาต่อทะเบียนหรือขายรถในอนาคต
เปลี่ยนสีรถ แจ้งกี่วัน
เปลี่ยนสีรถ แจ้งกี่วัน ตามกฎหมายไทย หากคุณเปลี่ยนสีรถ (ทั้งเปลี่ยนสีทั้งคันหรือเปลี่ยนบางส่วนเกิน 30% ของตัวรถ) คุณต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงกับกรมการขนส่งทางบก ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่เปลี่ยนสีรถเสร็จสิ้น
หากแจ้งล่าช้า คุณอาจถูกปรับตามกฎหมาย สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ดังนั้น อย่าลืมรีบจัดการให้เรียบร้อยหลังเปลี่ยนสีรถเสร็จ!
ขั้นตอนการแจ้งเปลี่ยนสีรถ
การแจ้งเปลี่ยนสีรถไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ต่อไปนี้คือขั้นตอนที่คุณควรรู้:
1. เตรียมเอกสารให้พร้อม
เอกสารที่ต้องใช้มีดังนี้:
- เล่มทะเบียนรถ (ตัวจริง)
- สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถ
- ใบเสร็จหรือใบกำกับภาษีจากอู่หรือร้านที่ทำการเปลี่ยนสีรถ
- ใบมอบอำนาจ (กรณีไม่ได้ไปดำเนินการด้วยตัวเอง)
2. เดินทางไปที่สำนักงานขนส่ง
ไปที่กรมการขนส่งทางบก หรือสำนักงานขนส่งในพื้นที่ของคุณ โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าต้องการดำเนินการแจ้งเปลี่ยนสีรถ
3. ชำระค่าธรรมเนียม
ค่าธรรมเนียมการแจ้งเปลี่ยนสีรถโดยประมาณ:
- ค่าดำเนินการ: 50-100 บาท
- ค่าคำขอเปลี่ยนแปลงข้อมูล: 10-50 บาท
รวมๆ แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 100-200 บาทเท่านั้น ถือว่าไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับค่าปรับหากคุณล่าช้า!
4. รอการอัพเดตข้อมูล
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารและข้อมูลเรียบร้อย จะทำการอัพเดตข้อมูลในเล่มทะเบียน และมอบเล่มคืนให้คุณ เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
เปลี่ยนสีทั้งคัน vs เปลี่ยนบางส่วน
การเปลี่ยนสีรถมีหลายรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลต่อการแจ้งเปลี่ยนสีด้วย มาดูความต่างกัน:
- เปลี่ยนสีทั้งคัน:
หากคุณเปลี่ยนสีรถทั้งคัน เช่น จากสีขาวเป็นสีดำ ต้องแจ้งแน่นอน เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจน - เปลี่ยนสีบางส่วน (เกิน 30%):
หากคุณเปลี่ยนแค่บางส่วน เช่น เปลี่ยนสีฝากระโปรง หรือเปลี่ยนเฉพาะหลังคา และพื้นที่นั้นเกิน 30% ของตัวรถ ก็ต้องแจ้งเช่นกัน - เปลี่ยนสีเล็กน้อย (ไม่เกิน 30%):
ถ้าคุณเปลี่ยนเล็กน้อย เช่น ติดสติกเกอร์บางจุด หรือเปลี่ยนสีที่ไม่เกิน 30% ของพื้นที่ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องแจ้ง
เคล็ดลับสำหรับเปลี่ยนสีรถ
1. เลือกอู่หรือร้านที่ไว้ใจได้
อู่ที่มีประสบการณ์จะช่วยให้การเปลี่ยนสีรถของคุณออกมาสวยงามและไม่มีปัญหาด้านเอกสาร
2. เก็บใบเสร็จไว้เสมอ
ใบเสร็จจากอู่เป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้ยื่นเอกสารที่ขนส่ง อย่าลืมขอใบเสร็จทุกครั้งที่เปลี่ยนสีรถ
3. อย่าลืมเช็กสีใหม่ให้ละเอียด
หลังเปลี่ยนสีเสร็จ ลองตรวจดูว่าสีเรียบเนียน ไม่มีจุดบกพร่อง และตรงกับที่คุณต้องการหรือไม่
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเปลี่ยนสีรถ
Q: ถ้าเปลี่ยนสีรถแต่ลืมแจ้ง จะเกิดอะไรขึ้น?
A: คุณอาจถูกปรับสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท และอาจประสบปัญหาเวลาต่อทะเบียนหรือตรวจสภาพรถ
Q: การติดสติกเกอร์เปลี่ยนสีรถต้องแจ้งไหม?
A: ถ้าติดสติกเกอร์ที่เปลี่ยนสีและครอบคลุมพื้นที่เกิน 30% ของตัวรถ ต้องแจ้งเช่นกัน
Q: สามารถแจ้งเปลี่ยนสีรถออนไลน์ได้ไหม?
A: ปัจจุบันการแจ้งเปลี่ยนสีรถยังต้องไปดำเนินการที่สำนักงานขนส่งเท่านั้น
ผลกระทบของการเปลี่ยนสีรถต่อมูลค่ารถ
หลายคนอาจคิดว่าการเปลี่ยนสีรถจะช่วยเพิ่มมูลค่า แต่ในบางกรณีอาจทำให้รถมีราคาลดลงเมื่อขายต่อ เพราะเหตุผลดังนี้:
- สีเดิมจากโรงงานมีมูลค่าสูงกว่า
สีที่ออกมาจากโรงงาน จะถูกมองว่ามีมาตรฐาน และทนทานกว่าสีที่พ่นใหม่ แม้คุณจะเลือกอู่ที่มีฝีมือดีแค่ไหน สีที่ทำใหม่ก็อาจไม่สมบูรณ์แบบเท่ากับสีจากโรงงาน และบางครั้งผู้ซื้ออาจสงสัยว่าทำไมต้องเปลี่ยนสี อาจคิดว่าเกิดอุบัติเหตุหรือมีปัญหาก่อนหน้านี้ - สีที่ไม่เป็นที่นิยมอาจขายต่อยาก
หากคุณเปลี่ยนสีรถ เป็นสีที่ไม่ค่อยได้รับความนิยม เช่น สีเขียวมะนาว หรือสีชมพูสด อาจทำให้ขายต่อยากขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อทั่วไปมักชอบสีพื้นฐาน เช่น ขาว ดำ เทา หรือเงิน - การเปลี่ยนสีอาจบ่งบอกถึงอุบัติเหตุ
ในตลาดรถมือสอง ผู้ซื้อบางคนอาจตั้งคำถามว่า รถเคยประสบอุบัติเหตุจ นต้องเปลี่ยนสีหรือไม่ หากไม่มีข้อมูลยืนยันที่ชัดเจน อาจกระทบต่อความน่าเชื่อถือของรถ
วิธีดูแลรถหลังเปลี่ยนสีใหม่
หลังจากเปลี่ยนสีรถเรียบร้อยแล้ว การดูแลรักษาสีใหม่เป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อให้รถดูสวยเงางามไปนาน ๆ นี่คือเคล็ดลับที่ควรรู้:
- หลีกเลี่ยงการล้างรถทันทีหลังเปลี่ยนสี
หลังเปลี่ยนสี ควรรอประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนล้างรถ เพื่อให้สีเซ็ตตัวอย่างสมบูรณ์ หากล้างเร็วเกินไป อาจทำให้สีเสียหายหรือไม่ติดทน - ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสีโดยเฉพาะ
เลือกใช้น้ำยาล้างรถและแว็กซ์ที่ออกแบบมาสำหรับการดูแลสีรถโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้สีหลุดลอกหรือซีดเร็ว - หลีกเลี่ยงการจอดกลางแดด
แสงแดดจัดสามารถทำให้สีซีดจางเร็วขึ้น ควรจอดรถในที่ร่มหรือใช้ผ้าคลุมรถช่วยป้องกัน - ล้างรถเป็นประจำ
ฝุ่น คราบน้ำ หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ อาจทำให้สีหมองลงได้เร็ว หากปล่อยไว้นาน ดังนั้นควรล้างรถอย่างสม่ำเสมอ
เปลี่ยนสีรถแบบไหนต้องระวัง?
แม้การเปลี่ยนสีรถจะดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ก็มีบางกรณีที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ:
- เปลี่ยนสีเป็นลายกราฟิกหรือสติกเกอร์เต็มคัน
หากคุณใช้วิธีการเปลี่ยนสีด้วยการติดสติกเกอร์เต็มคัน (Wrap) หรือทำลวดลายกราฟิกแปลกตา คุณอาจต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า สติกเกอร์นั้นสามารถลอกออกได้ง่ายโดยไม่ทำลายสีเดิม และควรแจ้งเปลี่ยนสีในกรณี ที่สติกเกอร์ครอบคลุมพื้นที่เกิน 30% ของตัวรถ - เปลี่ยนสีแบบไม่มีมาตรฐาน
การเลือกอู่หรือร้านที่ไม่มีมาตรฐานอาจ ทำให้สีใหม่หลุดลอกเร็ว หรือเกิดปัญหาในระยะยาว เช่น สีพองตัว หรือมีรอยฟองอากาศ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ - เปลี่ยนสีรถที่มีผลต่อการสะท้อนแสง
การเปลี่ยนสีรถให้เป็นสีที่สะท้อนแสงมาก ๆ เช่น สีโครเมียมหรือสีเมทัลลิก อาจไม่ถูกกฎหมายในบางพื้นที่ และอาจรบกวนสายตา ของผู้ขับขี่คนอื่นบนถนน
การเปลี่ยนสีรถไฟฟ้าหรือรถหรู
สำหรับเจ้าของรถไฟฟ้าหรือรถหรู การเปลี่ยนสีรถอาจมีรายละเอียด ที่ต้องคำนึงถึงมากกว่ารถทั่วไป เช่น:
- การรักษาความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า:
หากเปลี่ยนสีโดยการ Wrap หรือพ่นสี ต้องระวังอย่าให้กระทบกับระบบไฟฟ้าของรถ - ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า:
รถหรูหรือรถไฟฟ้ามักมีขนาดใหญ่หรือใช้วัสดุที่ต้องการความประณีตเป็นพิเศษ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสีสูงกว่ารถทั่วไป
เคล็ดลับเปลี่ยนสีรถให้คุ้มค่า
- เลือกสีที่ตรงใจระยะยาว
การเปลี่ยนสีรถเป็นการลงทุนที่ต้องใช้งบประมาณสูง ดังนั้นควรเลือกสีที่คุณชอบจริง ๆ และสามารถใช้งานได้ในระยะยาวโดยไม่เบื่อ - ตรวจสอบความเข้ากันของสีใหม่กับสีภายใน
หากคุณเปลี่ยนสีภายนอก ควรคำนึงถึงความเข้ากันของสีภายใน เช่น เบาะและแดชบอร์ด เพื่อให้รถดูสวยลงตัว - เปรียบเทียบราคาหลายร้าน
ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนสีรถ ควรสอบถามราคาและดูรีวิวงานของร้านต่าง ๆ เพื่อให้ได้งานที่คุ้มค่าและมีคุณภาพ
สรุป เปลี่ยนสีรถ แจ้งกี่วัน
การเปลี่ยนสีรถ ไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับความถูกต้อง ตามกฎหมายด้วย คุณต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงกับกรมการขนส่งทางบก ภายใน 7 วัน เพื่อป้องกันปัญหาและค่าปรับที่ไม่จำเป็น
เพียงเตรียมเอกสารให้พร้อม ดำเนินการตามขั้นตอนที่แนะนำ และอย่าลืมเลือกอู่ที่ไว้ใจได้ คุณก็สามารถเปลี่ยนสีรถได้อย่างมั่นใจ สวยงาม และถูกกฎหมายแน่นอน!
ใส่ความเห็น