สำหรับคนที่กำลังวางแผนเปลี่ยนสีรถ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเพื่อความสวยงาม เสริมดวง หรือเพื่อให้รถดูใหม่และทันสมัยขึ้น สิ่งสำคัญที่เจ้าของรถต้องรู้คือการเปลี่ยนสีรถไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกสีหรือจ่ายค่าทำสีเท่านั้น แต่ยังมีขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องปฏิบัติด้วย หนึ่งในนั้นคือการแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมการขนส่งทางบก บทความนี้จะอธิบายแบบละเอียดทุกขั้นตอน ตั้งแต่เหตุผลที่ต้องแจ้ง การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้ง ทำยังไง เอกสารที่ต้องใช้ ไปจนถึงคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการเปลี่ยนสีรถ มาดูกันเลย
ทำไมต้องแจ้งเปลี่ยนสีรถ?
หลายคนอาจสงสัยว่าเปลี่ยนสีรถแล้วทำไมต้องยุ่งยากแจ้งขนส่งด้วย? นี่คือเหตุผลหลัก:
- เพื่อความถูกต้องตามกฎหมาย
ในประเทศไทย การเปลี่ยนสีรถถือเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะของรถที่ต้องแจ้งต่อกรมการขนส่งทางบก หากไม่แจ้ง อาจถูกปรับเมื่อตำรวจตรวจพบ - เพื่ออัพเดตข้อมูลในสมุดทะเบียนรถ
เมื่อเปลี่ยนสีรถ ข้อมูลสีของรถในสมุดคู่มือจดทะเบียนต้องตรงกับสีจริงของรถ หากข้อมูลไม่ตรงกัน อาจมีปัญหาในกรณีที่ต้องการขายต่อหรือทำธุรกรรมเกี่ยวกับรถ - เพื่อป้องกันการสับสนหรือปัญหาทางคดี
สีรถเป็นหนึ่งในข้อมูลที่ระบุลักษณะเฉพาะของรถ หากเกิดเหตุการณ์เกี่ยวกับกฎหมาย เช่น รถหาย หรือเกี่ยวข้องในคดี สีรถที่ไม่ตรงกับทะเบียนอาจทำให้เกิดความสับสนหรือปัญหาในกระบวนการตรวจสอบ
การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้ง ภายในกี่วัน?
ตามกฎหมาย เจ้าของรถต้องแจ้ง การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้ง ต่อกรมการขนส่งทางบก ภายใน 7 วันนับจากวันที่เปลี่ยนสีรถเสร็จสิ้น หากเกินกำหนด อาจถูกปรับตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 โดยมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
คำแนะนำ:
- หากเปลี่ยนสีรถในอู่หรือร้านรับทำสี ควรสอบถามและวางแผนแจ้งขนส่งล่วงหน้า เพื่อป้องกันการล่าช้า
- เตรียมเอกสารให้ครบและไปแจ้งทันทีที่รถเสร็จจากการทำสี
ขั้นตอน การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้ง
การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้ง กับกรมการขนส่งทางบกไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด ต่อไปนี้คือขั้นตอนง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำได้
1. เตรียมเอกสารที่จำเป็น
เอกสารที่ต้องใช้ในการแจ้งเปลี่ยนสีรถ ได้แก่:
- สมุดคู่มือจดทะเบียนรถ (เล่มทะเบียน)
ต้องเป็นเล่มจริง ไม่ใช่สำเนา - บัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าของรถ
ใช้บัตรตัวจริง พร้อมสำเนา - หลักฐานการเปลี่ยนสีรถ
เช่น ใบเสร็จหรือเอกสารรับรองจากอู่ทำสี - หนังสือมอบอำนาจ (กรณีไม่ได้ไปดำเนินการเอง)
พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
2. เดินทางไปที่สำนักงานขนส่ง
นำรถไปพร้อมเอกสารที่เตรียมไว้ คุณสามารถเลือกสำนักงานขนส่งที่สะดวกที่สุดได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่เดียวกับที่จดทะเบียนรถ
3. ตรวจสอบและกรอกแบบฟอร์ม
เจ้าหน้าที่จะให้คุณกรอกแบบฟอร์มแจ้งการเปลี่ยนสีรถ โดยคุณต้องระบุสีใหม่และรายละเอียดการเปลี่ยนแปลง
4. ชำระค่าธรรมเนียม
หลังจากตรวจสอบเอกสาร เจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียม โดยปกติจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 50-100 บาท
5. รับสมุดทะเบียนที่อัพเดตข้อมูลใหม่
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ข้อมูลสีใหม่ของรถจะถูกบันทึกลงในสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ คุณสามารถนำรถไปใช้งานต่อได้ทันที
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้ง (FAQ)
1. เปลี่ยนสีรถแบบติดสติกเกอร์ (Wrap) ต้องแจ้งไหม?
ใช่ การเปลี่ยนสีรถด้วยสติกเกอร์ (Car Wrapping) ต้องแจ้งขนส่งเช่นกัน หากสีที่เปลี่ยนใหม่มีผลให้รถดูแตกต่างจากสีในทะเบียน
2. ถ้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เช่น เพิ่มลวดลาย ต้องแจ้งหรือไม่?
หากการเพิ่มลวดลายไม่ทำให้สีหลักของรถเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น การเพิ่มลายกราฟิกเล็ก ๆ ไม่จำเป็นต้องแจ้ง แต่หากเปลี่ยนสีหลักของตัวรถต้องแจ้ง
3. แจ้งเปลี่ยนสีรถออนไลน์ได้ไหม?
ปัจจุบันการแจ้งเปลี่ยนสีรถยังต้องดำเนินการที่สำนักงานขนส่งโดยตรง ไม่สามารถทำออนไลน์ได้
4. ถ้าทำสีใหม่แต่เป็นสีเดิม ต้องแจ้งไหม?
ไม่จำเป็นต้องแจ้ง หากทำสีใหม่เป็นสีเดิม เพราะไม่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะของรถ
5. การเปลี่ยนสีบางส่วน เช่น ฝากระโปรง ต้องแจ้งหรือไม่?
กรณีเปลี่ยนสีบางส่วน เช่น ฝากระโปรง หรือหลังคา หากสีนั้นครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 30% ของตัวรถ ต้องแจ้งเปลี่ยนสี
6. หากลืมแจ้งเปลี่ยนสีรถภายใน 7 วันต้องทำอย่างไร?
หากเกินกำหนด 7 วัน คุณยังสามารถแจ้งได้ แต่ต้องชำระค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด
การเปลี่ยนสีรถกับกฎหมายที่ต้องรู้
การเปลี่ยนสีรถถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสีหลักของรถหรือการเพิ่มลวดลายบางส่วน ซึ่งตามกฎหมายไทย การเปลี่ยนสีรถเป็นสิ่งที่เจ้าของรถต้อง การเปลี่ยนสีรถต้องแจ้ง กรมการขนส่งทางบกเพื่อให้ข้อมูลในทะเบียนรถตรงกับรถที่ใช้อยู่จริง หากไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลงสีหรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาจเสี่ยงต่อการถูกปรับตามกฎหมายได้
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนสีรถ
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนสีรถอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 และระเบียบกรมการขนส่งทางบกที่ออกตามมา โดยในมาตรา 7 ของพระราชบัญญัติรถยนต์ ได้ระบุว่า เจ้าของรถต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรถ เช่น สีรถหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน โดยต้องแจ้งภายในระยะเวลา 7 วันหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลง
โทษและบทลงโทษหากไม่แจ้งเปลี่ยนสีรถ
การไม่แจ้งการเปลี่ยนสีรถอาจทำให้เกิดปัญหาหลายด้าน เช่น การถูกปรับเงินตามกฎหมาย ดังนั้นการไม่แจ้งอาจทำให้เจ้าของรถเสี่ยงต่อการถูกปรับเงินในอัตราไม่เกิน 2,000 บาท ตามข้อบังคับของกรมการขนส่งทางบก หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่าข้อมูลในทะเบียนรถไม่ตรงกับสภาพจริงของรถ
นอกจากนี้ หากเจ้าของรถไม่ได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงสีรถและเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์บางอย่าง เช่น รถหายหรือต้องการใช้รถในกรณีต่าง ๆ ที่ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับรถ เช่น ขายรถหรือทำประกันภัย ข้อมูลสีรถที่ไม่ตรงกันกับทะเบียนอาจทำให้การตรวจสอบเป็นไปอย่างยากลำบาก
การเปลี่ยนสีรถอาจมีผลต่อประกันภัย
การเปลี่ยนสีรถอาจส่งผลต่อการประกันภัยของรถยนต์ในกรณีที่คุณมีการทำประกันภัยอยู่ เพราะบริษัทประกันภัยอาจมีการพิจารณาความเสี่ยงใหม่จากการเปลี่ยนแปลงสีของรถในบางกรณี หากสีของรถเป็นสีนอกเหนือจากที่แจ้งไว้ในกรมการขนส่ง ทางบริษัทประกันภัยอาจเพิ่มอัตราค่าประกัน หรือบางบริษัทอาจมีการปรับเงื่อนไขของกรมธรรม์ให้แตกต่างไปจากเดิม
คำแนะนำ:
- ควรแจ้งบริษัทประกันภัยก่อนหรือหลังจากการเปลี่ยนสีรถ เพื่อให้ข้อมูลตรงกันและไม่มีผลกระทบต่อการคุ้มครองจากการประกัน
- ในบางกรณี การเปลี่ยนสีรถอาจทำให้ค่าประกันลดลงหากบริษัทประกันเห็นว่าเป็นการเพิ่มความปลอดภัยหรือเป็นการปรับให้รถดูทันสมัยขึ้น
ราคาการเปลี่ยนสีรถ
การเปลี่ยนสีรถไม่ใช่เรื่องราคาถูกและต้องพิจารณางบประมาณที่มีให้ดีก่อนการตัดสินใจ อัตราค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น วัสดุที่ใช้, ประเภทของการทำสี, ร้านทำสีที่เลือก และขนาดของรถยนต์ที่ต้องการเปลี่ยนสี
การเปลี่ยนสีรถด้วยการทำสีใหม่ (Respray)
การทำสีใหม่แบบเต็มระบบหรือที่เรียกว่า respray คือการทำสีใหม่ทั้งคัน โดยใช้สีกระป๋องหรือสีที่มีคุณภาพสูงในการทาทับสีเดิมของรถ ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการเปลี่ยนสีรถ
- ราคาประมาณ: การทำสีรถใหม่ทั้งคันราคาอาจอยู่ระหว่าง 15,000 บาทถึง 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดของรถ, คุณภาพของสีที่เลือก และร้านที่ทำสี
- ข้อดี: สีที่ได้จะมีความคงทนและสวยงาม เนื่องจากการทาสีจะทำให้สีเดิมและความเรียบเนียนของผิวรถดีขึ้น
- ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง ใช้เวลานานในการทำสี และต้องระมัดระวังเรื่องการดูแลรักษาเพราะอาจมีปัญหาหากไม่ทำสีดีพอ
การเปลี่ยนสีรถด้วยฟิล์มครอบรถ (Car Wrap)
การใช้ ฟิล์มครอบรถ (Car Wrap) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ราคาค่อนข้างคุ้มค่ามากกว่าการทำสีใหม่ ซึ่งการเปลี่ยนสีด้วยฟิล์มครอบรถจะช่วยให้รถมีสีใหม่ทันทีและไม่เสียเวลาในการทำสี
- ราคาประมาณ: ราคาของการหุ้มฟิล์มรถจะเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 บาทสำหรับรถขนาดเล็ก และอาจสูงถึง 30,000-50,000 บาทสำหรับรถขนาดใหญ่ เช่น รถกระบะหรือ SUV
- ข้อดี: ราคาถูกกว่าการทำสีใหม่, ฟิล์มสามารถเปลี่ยนลวดลายหรือสีได้ง่าย, ฟิล์มช่วยปกป้องสีเดิมของรถจากแสงแดดและรอยขีดข่วน
- ข้อเสีย: ฟิล์มอาจไม่ทนทานเท่ากับสีรถที่ทำจากการทาสีใหม่, หากเลือกฟิล์มราคาถูกอาจทำให้สีซีดเร็ว
ราคาสีที่ใช้ในการเปลี่ยนสี
การเลือกสีหรือฟิล์มสำหรับการเปลี่ยนสีรถมีผลต่อราคาเป็นอย่างมาก โดยสีที่ใช้ในกระบวนการทำสีหรือฟิล์มครอบรถบางประเภทจะมีราคาที่สูงกว่าปกติ เช่น สีมุก สีเพิร์ล หรือสีที่มีลวดลายพิเศษ
- สีธรรมดา: ราคาจะต่ำกว่าสีที่มีคุณสมบัติพิเศษ
- สีมุกและสีเพิร์ล: มีราคาที่สูงขึ้นเนื่องจากกระบวนการผลิตสีที่ซับซ้อนมากขึ้น
- ฟิล์มลายกราฟิกหรือฟิล์มพิเศษ: ราคาสูงเช่นกันขึ้นอยู่กับลวดลายและคุณภาพของฟิล์ม
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น
การเปลี่ยนสีรถยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เจ้าของรถต้องเตรียมไว้ เช่น
- ค่าประกันภัย (หากมีการปรับใหม่)
- ค่าจัดส่งรถไปยังร้านทำสี (กรณีที่คุณเลือกใช้บริการอู่ทำสีที่อยู่ไกล)
- ค่าทำความสะอาดรถหรือบำรุงรักษา หากคุณทำสีใหม่หรือฟิล์มเปลี่ยน
เคล็ดลับและข้อแนะนำ
- เลือกอู่ทำสีที่มีคุณภาพ
อู่หรือร้านที่มีประสบการณ์จะช่วยลดปัญหา เช่น สีลอก สีซีด หรือการทำสีไม่เรียบเนียน - ตรวจสอบสีใหม่ให้ตรงกับความต้องการ
ก่อนส่งรถเข้าอู่ ควรสอบถามเรื่องตัวอย่างสีให้แน่ชัด และตรวจสอบให้ละเอียดก่อนรับรถกลับ - แจ้งขนส่งทันทีเมื่อรถเสร็จ
วางแผนการแจ้งขนส่งไว้ล่วงหน้า หากคุณยุ่งเกินไป ควรมอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินการแทน - เก็บเอกสารใบเสร็จจากอู่
เพื่อป้องกันปัญหาเอกสารไม่ครบในวันที่แจ้งขนส่ง ควรขอเอกสารรับรองจากอู่ทำสีทุกครั้ง
สรุป
การเปลี่ยนสีรถไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับขั้นตอนทางกฎหมายที่เจ้าของรถต้องปฏิบัติ การแจ้งเปลี่ยนสีรถกับกรมการขนส่งทางบกเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณใช้รถได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาทางกฎหมาย อย่าลืมว่า การแจ้งเปลี่ยนสีรถต้องทำภายใน 7 วันหลังการเปลี่ยนสีเสร็จ เพื่อป้องกันการเสียค่าปรับ การเตรียมเอกสารและข้อมูลให้ครบถ้วนจะช่วยให้ขั้นตอนทุกอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
ใส่ความเห็น